ใช้ชีวิตอย่างไรให้ผมหนา และมีสุขภาพผมที่ดี

การดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพดีและแข็งแรงนั้นประกอบไปด้วยหลายปัจจัย รวมทั้งการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพเส้นผม การรักษาความสะอาด การหลีกเลี่ยงการทำร้ายเส้นผมจากสารเคมี หรือวิธีการต่างๆ และการรับประทานอาหารที่ดีเพื่อบำรุงผมให้แข็งแรง โดยมีคำแนะนำดังนี้:

1. การสระผม 

  • เลือกแชมพูและครีมนวดที่เหมาะสม: เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผมของคุณ เช่น แชมพูสำหรับผมแห้ง ผมมัน หรือผมบอบบาง ควรเลือกแชมพูที่ไม่มีสารเคมีรุนแรง เช่น ซัลเฟต (Sulfates) และพาราเบน (Parabens)
  • ไม่สระผมบ่อยหรือห่างเกินไป: การสระผมทุกวันอาจทำให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นและน้ำมันธรรมชาติในคนที่หนังศีะษะแห้ง และในคนที่หนังศีรษะมันและมีสิ่งสกปรกควรสระผมทุกวัน
  • ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็น: การใช้น้ำร้อนมากเกินไปอาจทำให้เส้นผมแห้งเสีย ควรใช้น้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็นในการสระผมเพื่อรักษาความชุ่มชื้น

2. การนวดหนังศีรษะ 

  • การนวดหนังศีรษะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม ช่วยให้รูขุมขนเปิดและขับไขมันหรือสิ่งสกปรกออกจากหนังศีรษะ
  • สามารถใช้น้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์ หรือน้ำมันโรสแมรี่ในการนวดหนังศีรษะ 1-2 สัปดาห์ครั้ง

3. การหลีกเลี่ยงการทำร้ายเส้นผม 

ไม่ใช้ความร้อนสูง: การใช้เครื่องหนีบผม, ไดร์เป่าผม หรือเครื่องจัดแต่งทรงผมที่มีความร้อนสูงจะทำให้ผมแห้งเสียได้ ควรใช้เครื่องมือที่มีอุณหภูมิไม่สูงเกินไป และควรใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องเส้นผมจากความร้อน (Heat Protectant) ทุกครั้งก่อนจัดแต่งทรง การยืดหรือม้วนผมบ่อยๆ การทำเช่นนี้อาจทำให้ผมขาดร่วงได้

4. การดูแลจากภายใน 

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามิน A, C, D, E, บีคอมเพล็กซ์, ซิงค์ และไบโอติน (Biotin) จะช่วยให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น ผมไม่ขาดร่วงง่าย
  • ดื่มน้ำมากๆ: การดื่มน้ำเพียงพอจะช่วยให้ผมไม่แห้งเสียและมีความชุ่มชื้น
  • การลดความเครียด: ความเครียดสามารถทำให้ผมร่วงได้ ดังนั้นการจัดการกับความเครียด เช่น การออกกำลังกาย หรือการทำสมาธิ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการรักษาสุขภาพผม

5. การรักษาผมให้ห่างจากมลภาวะ 

หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับมลภาวะต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ มลพิษในอากาศ หรือสารเคมีที่ทำลายเส้นผม หากจำเป็นต้องออกกลางแจ้งควรใช้หมวกหรือผ้าคลุมผม

6. การดูแลเส้นผมให้สม่ำเสมอ 

การตัดปลายผม: การตัดปลายผมอย่างสม่ำเสมอทุก 6-8 สัปดาห์ จะช่วยลดปัญหาผมแตกปลายและทำให้ผมดูสุขภาพดี การไม่ถอนหรือเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง

7. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรง 

ย้อมผมหรือฟอกผมบ่อยๆ: การย้อมหรือฟอกสีผมบ่อยๆอาจทำให้ผมแห้งและขาดความชุ่มชื้น รวมถึงเสี่ยงต่อการขาดร่วง ดังนั้นหากต้องการทำสีผม ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมบำรุงผม หรือให้การย้อมสีผมเป็นเรื่องที่ทำเป็นระยะเวลาไม่บ่อยเกินไป

8. เลือกแปรงหรือหวีที่เหมาะสม 

  • ใช้หวีหรือแปรงที่มีขนแปรงนุ่ม: การหวีผมด้วยแปรงที่มีขนแปรงแข็งหรือการใช้หวีพลาสติกอาจทำให้ผมขาดหรือแตกปลายได้ ควรเลือกใช้หวีไม้หรือแปรงที่มีขนแปรงนุ่มเพื่อปกป้องเส้นผม
  • หวีผมอย่างเบามือ: หลีกเลี่ยงการดึงหรือหวีผมแรงๆ โดยเฉพาะเมื่อผมเปียก เพราะผมจะเปราะและขาดง่าย ควรหวีผมเบาๆ จากปลายผมขึ้นไปยังโคนผม

9. รักษาความสะอาดของเครื่องมือแต่งผม 

  • เครื่องมือแต่งผม เช่น แปรงหวี, ที่หนีบผม หรือไดร์เป่าผม ควรทำความสะอาดเป็นประจำ เนื่องจากการสะสมของผมที่ตกหล่นหรือสิ่งสกปรกอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือปัญหาผมร่วงได้
  • ทำความสะอาดแปรงหรือหวี: การใช้แปรงที่สกปรกอาจทำให้เชื้อโรคหรือไขมันสะสมบนเส้นผม ดังนั้นควรทำความสะอาดแปรงทุกๆ สัปดาห์

10. การพักผมจากการทำทรง 

  • พักผมจากการมัดหรือผูกผมแน่น: การมัดผมตึงเกินไปอาจทำให้เกิดความเครียดที่รากผม ซึ่งอาจทำให้ผมร่วงได้ ควรหลีกเลี่ยงการมัดผมตึงๆ หรือการทำทรงที่กดทับหนังศีรษะเป็นเวลานาน
  • ให้ผมได้หายใจ: ควรพักผมจากการใส่หมวก หรือคุลมผมเป็นเวลานานจนเกินไป หรือการมัดผมบ่อยๆ และมีเวลาปล่อยให้ผมได้หายใจบ้างในบางครั้ง